Pay Per Click (PPC) คือหนึ่งในการลงโฆษณาสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ที่มีหลากหลายเทคนิคให้เลือกใช้ ซึ่งการทำการตลาดออนไลน์ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักก็คือการทำ SEO ซึ่งทั้ง 2 คำนี้อาจจะมีหลายๆ คนที่ยังไม่รู้จักมาก่อนซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับ Pay Per Click (PPC) ให้มากขึ้นอีกหน่อบและแตกต่างจาก SEO อย่างไรบ้าง และควรเลือกใช้งานแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด
Pay Per Click (PPC) คืออะไร
PPC ย่อมาจาก Pay Per Click หมายถึงการทำโฆษณาใน Platform ของทาง Search Engine อย่าง Google ซึ่งจะเป็นโฆษณาที่จะทำการคิดเงินจากการที่มีคนคลิกโฆษณาของเราเท่านั้น ซึ่งจะไม่จำกัดคนที่มองเห็นโฆษณาของเรา ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนเห็นโฆษณาของเรา 10,000 คน แต่ไม่มีคนคลิกโฆษณาของเรา ก็จะไม่เสียเงินเพราะไม่มีการคลิกแต่จะเสียตามจำนวนคนคลิกเท่านั้นนั่นเอง
ซึ่งการทำโฆษณาแบบ Pay Per Click (PPC) เราจะสามารถกำหนดราคาในการคลิกแต่ละครั้งได้เองเลย โดยราคานั้นก็จะไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับ keyword ที่เราเลือกใช้งาน โดยการทำ Pay Per Click (PPC) นั้นจะสามารถเริ่มทำได้เลยทันทีหากคุณมีทุนอยู่แล้ว ซึ่งเว็บเราก็จะมีโอกาสอยู่ในหน้าแรกๆ ของ Search Engine ได้แน่นอน แต่ก็ต้องเสียเงินในการทำเพราะจะมีต้นทุนในการจ่ายอยู่ทุกๆ วัน หากคุณมีทุนไม่มากพอก็อาจจะเริ่มทำไม่ได้นั่นเอง
โดย Pay Per Click (PPC) นั้นจะเป็นทางลัดสำหรับการทำการตลาดออนไลน์แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีงบประมาณในการทำการตลาดรูปแบบนี้ อีกหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ก็คือ SEO ที่เป็นทางเลือกที่ดีมากและไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย
แล้ว SEO หมายถึงอะไร
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization หมายถึง การทำให้เว็บไซต์ของเราไปติดอันดับต้นๆ ของ Search Engine google โดยไม่ต้องทำ Pay Per Click (PPC) ซึ่งการทำ SEO แบ่งเป็น 2 แบบ คือ SEO On Page กับ SEO Off โดยการทำ SEO แบบ Page SEO On Page คือ การใช้ทำทุกๆ สิ่งภายในเว็บของเราให้ถูกหลักของ SEO ทำให้ติดอันดับต้นๆ ของการค้นหา และการทำ SEO แบบ SEO Off Page ซึ่งหมายถึงการโปรโมทหรือมีลิ้งเว็บไซต์ของเราภายในเว็บอื่นๆ เพื่อช่วยเพิ่มจำนวนให้คนเข้ามาดูเว็บไซต์ของเราได้มากขึ้น ซึ่งข้อดีของ Pay Per Click (PPC) และ Search Engine Optimization (SEO) โดยข้อดีของทั้ง 2 แบบ จะมีข้อดีต่างกันโดย
Pay Per Click (PPC)
- Pay Per Click (PPC) สามารถเริ่มต้นง่ายและเร็ว
- วัดผลได้ทันทีหลังใช้งาน
- ต้องมีต้นทุนทุกวันเพื่อใช้บริการ Pay Per Click (PPC)
- มีโอกาสที่ User ไม่คลิก เพราะมีความเป็นโฆษณา
SEO
- ROI ระยะยาว
- การแสดงผลเป็นแบบ Organic ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีในเรื่องการขาย
- SEO มีความเสี่ยงที่ keyword ไม่ติดอันดับ เพราะต้องแข่งขันกับเจ้าอื่นๆ ด้วย
- การทำ SEO อาจจะใช้ระยะเวลาในการทำ นานกว่า Pay Per Click (PPC) มาก
- ต้องจัดระเบียบเว็บไซต์ให้ดี เพราะการทำ SEO จะต้องทำให้ถูกตามหลักของ SEO มากที่สุด
หากคุณมีงบในการทำ Pay Per Click (PPC) ก็สามารถทำได้เลยทันที แต่หากว่าไม่มีต้นทุนในการทำก็สามารถทำ SEO ก็ได้ แต่จะต้องใช้เวลาในการทำที่นานกว่าและต้องถูกหลักของ SEO ซึ่งจะมีหลักการทำหลายอย่าง โดยหากคุณเป็นคนที่ทำธุรกิจใหม่และมีต้นทุนในการทำโฆษณาสูงแล้วล่ะก็ Pay Per Click (PPC) ก็จะสามารถตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน